การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ (1) เพื่อศึกษาระดับการบริหารเทคโนโลยีเพื่อการศึกษาของ
สถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาศรีสะเกษ ยโสธร และ (2) เพื่อ
เปรียบเทียบการบริหารเทคโนโลยีเพื่อการศึกษาของสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา
มัธยมศึกษาศรีสะเกษ ยโสธร จำแนกตามตำแหน่งและขนาดของสถานศึกษา ประชากร ได้แก่
ผู้บริหารสถานศึกษาและครูผู้สอน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาศรีสะเกษ ยโสธร ปี
การศึกษา 2565 จำนวน 3,210 คน กลุ่มตัวอย่างได้แก่ จำนวน 346 คน จำแนกเป็นผู้บริหาร
สถานศึกษา 52 คนและครูผู้สอน 294 คน เครื่องมือการวิจัยคือ แบบสอบถาม มีค่าดัชนีความ
สอดคล้อง 0.80-1.00 และค่าความเชื่อมั่น 0.97 สถิติวิเคราะห์ข้อมูลได้แก่ ค่าความถี่ ค่าร้อยละ
ค่าเฉลี่ย คำส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การทดสอบค่าที่ (แบบ Independent Sample) การทดสอบ
ความแปรปรวนทางเดียว และวิธีการของเชฟเฟ่ (Scheffe's Method)
ผลการวิจัยพบว่า
1. การบริหารเทคโนโลยีเพื่อการศึกษาของสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา
มัธยมศึกษาศรีสะเกษ ยโสธร โดยรวมมีการปฏิบัติอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณารายด้าน พบว่า อยู่ใน
ระดับมากทุกด้าน โดยด้านที่มีการปฏิบัติสูงสุด คือ ด้านช่องทางการเรียนรู้ด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล
รองลงมา คือ ด้านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ด้านสื่อการเรียนการสอนในระบบดิจิทัล ด้านระบบ
รายงานผลออนไลน์ ด้านสร้างแพลตฟอร์มดิจิทัล และด้านที่มีการปฏิบัติต่ำสุด คือ ด้านวัสดุอุปกรณ์
2. การบริหารเทคโนโลยีเพื่อการศึกษาของสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา
มัธยมศึกษาศรีสะเกษ ยโสธร จำแนกตามตำแหน่ง โดยรวมแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติติที่
ระดับ .05 เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า ผู้บริหารมีความคิดเห็นเกี่ยวกับการปฏิบัติมากกว่า
ครูผู้สอน ด้านช่องทางการเรียนรู้ด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล ด้านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ด้านสื่อการ
เรียนการสอนในระบบดิจิทัล และด้านระบบรายงานผลออนไลน์ แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ
ที่ระดับ .05
3. การบริหารเทคโนโลยีเพื่อการศึกษาของสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา
มัธยมศึกษาศรีสะเกษ ยโสธร จำแนกตามขนาดของสถานศึกษา โดยรวมแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญ
ทางสถิติที่ระดับ .05 เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า ด้านช่องทางการเรียนรู้ด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล