การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาคณิตศาสตร์ เรื่อง ความสัมพันธ์การคูณและการหารของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 โดยใช้การจัดการเรียนรู้ แบบร่วมมือด้วยเทคนิค Lt ร่วมกับแบบฝึกทักษะระหว่างก่อนเรียนและหลังเรียน 2) เพื่อเปรียบเทียบ ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาคณิตศาสตร์ เรื่อง ความสัมพันธ์ระหว่างการคูณและการหารของนักเรียน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 หลังการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือด้วยเทคนิค Lt ร่วมกับแบบฝึกทักษะเทียบ กับเกณฑ์ร้อยละ 75 3) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการจัดการเรียนรู้แบร่วมมือด้วย เทคนิค Lt ร่วมกับแบบฝึกทักษะในวิชาคณิตศาสตร์ เรื่อง ความสัมพันธ์ระหว่างการคูณและการหาร สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 กลุ่มตัวอย่าง คือ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 จำนวน 40 คน โดยวิธีสุ่มตัวอย่างแบบง่าย (Simple Random Sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ประกอบด้วย 1) แผนการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือด้วยเทคนิค (t เรื่อง ความสัมพันธ์การคูณและการ หาร ระดับชั้นประถมปีที่ 2 จำนวน 4 แผน มีค่าเฉลี่ยความเหมาะสมของแผนเท่ากับ 4.52. 2) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาคณิตศาสตร์ เรื่อง ความสัมพันธ์ระหว่างการคุณและการ หาร มีค่าความยาก (p) อยู่ระหว่าง 0.28 - 0.75 ค่าอำนาจจำแนก (r) อยู่ระหว่าง 0.27 - 0.87 และ ค่าความเชื่อมั่นเท่ากับ 0.93 3) แบบสอบถามความพึงพอใจที่มีต่อการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือด้วย เทคนิค (t ร่วมกับแบบฝึกทักษะ มีค่าอำนาจจำแนกรายข้อ อยู่ระหว่าง 0.22 - 0.79 และค่ะค่าความ เชื่อมั่นเท่ากับ 0.85 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล คือ ค่าเฉลี่ย (X) ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (5.D.) และทดสอบสมมติฐานด้วยการทดสอบค่าที
ผลการวิจัยพบว่า 1. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาคณิตศาสตร์ เรื่อง ความสัมพันธ์ระหว่างการคูณและการหาร ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 ได้รับการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือด้วยเทคนิค Lt ร่วมกับแบบฝึก ทักษะ หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 2. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าเกณฑ์ร้อยละ 75 อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ ระดับ .01 3. นักเรียนมีความพึงพอใจต่อการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือด้วยเทคนิค Lt ร่วมกับแบบฝึก ทักษะ อยู่ในระดับมาก (X-4.12 ,S.D.= 0.68) |