การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาและเปรียบเทียบการใช้หลักธรรมาภิบาลและศึกษา แนวทาง ในการบริหารสถานศึกษา สังกัดอาชีวศึกษาจังหวัดชลบุรี จำแนกตามเพศ ตำแหน่ง และ ประสบการณ์ในการทำงาน กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ ผู้บริหารในสถานศึกษา และครูผู้สอนในสถานศึกษา สังกัดอาชีวศึกษาจังหวัดชลบุรี 269 คน เครื่องมือการวิจัยเป็นแบบสอบถามแบบมาตราส่วนประมาณ ค่า 5 ระดับ มีค่าความเชื่อมั่น 0.97 และค่าความสอดตล้อง0.8-1.00 สถิติพื้นฐานที่ใช้วิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การทตสอบค่าที่ และการวิเคราะห์ความ แปรปรวนแบบทางเดียว ผลการวิจัย 1. ระดับความคิดเห็นต่อการใช้หลักธรรมาภิบาลในการบริหารสถานศึกษาของผู้บริหาร สถานศึกษา สังกัดอาชีวศึกษาจังหวัดชลบุรี โดยรวม อยู่ในระดับมาก 2. ระดับความคิดเห็นต่อการใช้หลักธรรมาภิบาลในการบริหารสถานศึกษาของผู้บริหาร สถานศึกษาสังกัดอาชีวศึกษาจังหวัดชลบุรี (1) เมื่อจำแนกตาม เพศ โดยภาพรวมไม่แตกต่างกัน เมื่อ พิจารณารายด้านพบว่าด้านคุณธรรม ด้านความโปร่งใส และด้านหลักความรับผิดชอบแตกต่างกัน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 (2) จำแนกตามสถานะพบว่า โดยภาพรวมไม่แตกต่างกัน เมื่อ พิจารณารายต้าน พบว่าด้านหลักการมีส่วนร่วม ด้านหลักความรับผิดชอบ และต้านหลักความคุ้มค่า แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 และ (3) เมื่อจำแนกตามประสบการณ์ในการทำงาน ในภาพรวมไม่แตกต่างกัน และเมื่อพิจารณาเป็นรายด้านพบว่า ด้านความโปร่งใส แตกต่างกันอย่างมึ นัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
3. ผลการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงคุมภาพพบว่าในการบริหารสถานศึกษาตามหลักธรรมาภิบาล พบว่า (1) ผู้บริหารเป็นผู้กำหนดวิสัยทัศน์ กลยุทธ์ นโยบายการบริหารสถานศึกษาที่ชัดเจน และ (2) ครูเป็นผู้ปฏิบัติหน้าที่สอน และส่งเสริมการเรียนรู้ของนักเรียน นักศึกษาด้วยวิธีการสอนต่างๆ |