วัดอุประสพค์ของการวิจัยคขึ้นี้คือ (1) เพื่อศึกษาขาะแมมความก้าวหน้าของศักษาศึกษาร เรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค STAD (2) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรู้ระหว่างก่อนเรียน และหลังเรียนและหลังเรียนกับเกณฑ์75 เปอร์เซ็นต์ของคะนนเต็ม และ(3) เพื่อศึกษาระดับความพึง พอใจของนักศึกษาจีนชั้นปีที่ 2 ที่มีต่อการจัดกิจกรรมการเรียนรูปแบบร่วมมือเทคนิค STAD พร้อม กับชุดกิจกรรมความเข้าใจในการอ่านภาษาไทย กลุ่มตัวอย่างคือ นักศึกษาชั้นปีที่ 2 วิชาเอกภาษาไทย 21 คน ของมหาวิทยาลัยชนชาติครูกว่างซี สาธารณรัฐประชาชนจีน ในภาคการศึกษาที่ 2 ปี การศึกษา 2564 เลือกโดยวิธีการสุ่มตัวอย่างอย่างง่าย เครื่องมือการวิจัยประกอบด้วย (1) แผนการ จัดการการเรียนรู้มีค่าเฉลี่ย 4.90 และค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน 0.23 จากการประเมินโดย ผู้เชี่ยวชาญ 5 คน (2) แบบทดสอบปรนัย 4 ตัวเลือกจำนวน 30 ข้อ (3) แบบสอบถามความพึงพอใจ 5 ระดับ 15 รายการ ข้อสอบมีค่าความสอดคล้องกับวัตถุประสงค์(10C) ระหว่าง 0.60 ถึง1.00 และมี ค่าความยาก 0.40-0.68 ค่าอำนาจจำแนก 0.35-0.52 และ ค่าความเชื่อมั่นของโลเวทท์ 0.84 และ(4) แบบประเมินความพึงพอใจ มีค่าความเที่ยงวิธีแอลฟ้า ครอนบัค 0.87 ใช้แบบการวิจัย One Group Pretest- Posttest Design สถิติที่ใช้สำหรับการวิเคราะห์ข้อมูลคือ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่า เบี่ยงเบนมาตรฐานและการทดสอบคำสถิติ t ผลการวิจัยพบว่า (1) คะแนนความก้าวหน้าในภาพรวมของทั้งห้องมีค่าเฉลี่ย 20.48 จาก คะแนนเต็ม 30 คะแนน ซึ่งอยู่ ในระดับกลุ่ม "ดีมาก" และแยกกลุ่มย่อยมี หนึ่งกลุ่มอยู่ในกลุ่มระดับ "ยอดเยี่ยม" สามกลุ่มอยู่ในกลุ่มระดับ "ดีมาก" สองกลุ่ม อยู่ในระดับกลุ่ม "ดี" ตามลำดับ (2) ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนสูงกว่าหลังเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 และ ผลสัมฤทธิ์ ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าเกณฑ์ร้อยละ 75 ของคะแนนเต็มอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติติที่ ระดับ .01 (3) นักศึกษามีความพึงพอใจกับกิจกรรมการเรียนรูปแบบร่วมมือเทคนิค STAD โดยรวมมี ค่าเฉลี่ย 4.84 อยู่ในระดับมากที่สุด |