การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาการบริหารงานบุคคลตามหลักธรรมาภิบาลใน สถานศึกษาขั้นพื้นฐาน ในเขตอำเภอโชคชัย จังหวัดนครราชสีมา และเพื่อเปรียบเทียบการบริหารงาน บุคคลตามหลักธรรมาภิบาลในสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน ในเขตอำเภอโชคชัย จังหวัดนครรราชสีมา กลุ่ม ตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ ได้แก่ ผู้บริหาร และครูผู้สอนในสถานศึกษาชั้นพื้นฐานของรัฐ จำนวน 210 คน กำหนดขนาดกลุ่มตัวอย่างโดยใช้ตารางของเครจชี่และมอร์แกน และการสุ่มแบบแบ่งชั้นตาม สัดส่วน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยในครั้งนี้เป็นแบบสอบถามที่ใช้มาตรส่วนในการประมาณค่า 5 ระดับ โดยได้ค่าความเที่ยงตรงเชิงเนื้อหา (IOC) อยู่ระหว่าง 0.6-1.00 และมีค่าความเชื่อมั่นทั้งฉบับ 0.86 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การทดสอบค่าที (t-test) การวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว (One way ANOVA) เมื่อพบความแตกต่างใช้ วิธีการทดสอบ ความแตกต่างรายคู่ตามวิธีฟิซเซอร์ (Fisher's Least Significant Difference : LSD) ผลการวิจัย พบว่า 1. ผลการเปรียบเทียบการบริหารงานบุคคลตามหลักธรรมาภิบาลในสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน ในเขตอำเภอโชคชัย จังหวัดนครราชสีมา พบว่าโดยรวมและรายด้านอยู่ในระดับมาก และด้านที่มีการ บริหารงานบุคคลตามหลักธรรมาภิบาลมากที่สุดคือ ด้านรับผิดชอบ และด้านที่มีการบริหารงานบุคคล ตามหลักธรรมาภิบาลน้อยที่สุดคือด้าน นิติธรรม 2. ผลการเปรียบเทียบการบริหารงานบุคคลตามหลักธรรมภิบาลในสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน ในเขตอำเภอโชคชัย จังหวัดนครราชสีมา จำแนกตามประสบการณ์ในการทำงาน พบว่า โดยรวม แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 เมื่อพิจารณารายด้านพบว่า ด้านนิติธรรม และด้าน ความรับผิดชอบแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 ส่วนด้านอื่นๆไม่แตกต่างกัน
3. ผลการเปรียบเทียบการบริหารงานบุคคลตามหลักธรรมภิบาลในสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน ในเขตอำเภอโชคชัย จังหวัดนครราชสีมา จำแนกตามขนาดของสถานศึกษา พบว่า โดยรวมแตกต่าง กันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 และเมื่อพิจารณารายด้านพบว่าด้านความรับผิดชอบและ ความคุ้มค่า แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 ส่วนด้านอื่นๆไม่แตกต่างกัน โดย สถานศึกษาขนาดเล็กมีการบริหารงานบุคคลตามหลักธรรมาภิบาลด้านความรับผิดชอบและด้านความ คุ้มค่าสูงกว่าสถานศึกษาขนาดกลางและขนาดใหญ่ |