การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ (1) เพื่อเปรียบเทียบความสามารถการอ่านและการเขียนของ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ระหว่างก่อนและหลังเรียน โดยใช้นิทานร่วมกับการเรียนรู้แบบร่วมมือ เทคนิค Think Pair Share (2) เพื่อเปรียบเทียบความสามารถการอ่านและการเขียนของนักเรียนชั้น Share กับเกณฑ์ร้อยละ 80 (3) เพื่อศึกษาประสิทธิผลของการจัดการเรียนรู้โตยใช้นิทานร่วมกับการ เรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค Think Pair Share ในการพัฒนาความสามารถในการอ่านและการเขียนของ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 และ (4) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ที่มีต่อการจัดการเรียนรู้โดยใช้นิทานร่วมกับการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค Think Pair Share กลุ่มตัวเย่ามในมักเรือมชั้นประระเด็กษาปีที่ I โรสถียมบ้านใจกรรรรรรรธ (ประถมทัพรัพร้อม) ในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2564 จำนวน 20 คน ได้จากการสุ่มตัวอย่างแบบกลุ่ม (Cluster Raกdom Sampling) เครื่องมือวิจัยที่ใช้ (1) แผนการจัดการเรียนรู้ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 เรื่อง การอ่านและการ เขียน โดยใช้นิทานร่วมกับการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค Think Pair Share (2) แบบทตสอบ ความสามารถด้านการอ่านและการเขียน (3) แบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียนชั้นประถมศึกษา ปีที่ 1 ที่มีต่อการจัดการเรียนรู้การอ่านและการเขียน โดยใช้นิทานร่วมกับการเรียนรู้แบร่วมมือเทคนิค Think Pair Share สถิติที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และสถิติ ทตสอบที (Dependent Sample และ One Sample) ผลการวิจัยพบว่า 1. ความสามารถการอ่านออกเสียง การอ่านรู้เรื่อง และการเขียนของนักเรียนชั้น ประถมศึกษาปีที่ 1 หลังเรียน โดยใช้นิทานร่วมกับการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค Think Pair Share สูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติติที่ระดับ .05 2.ความสามกรมการอ่านลอกเสียงเละการอ่านรู้รื่อง ของนักเรียนชั้นประเด็กษาปีที่ 1 หลังเรียนโดยใช้นิทานร่วมกับการเรียนรู้แบร่วมมือเทคนิค Think Pair Share สูงกว่าเกณฑ์ ร้อยละ 80 อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
3. ดัชนีประสิทธิผลของการจัดการเรียนรู้การอ่านและการเขียนของนักเรียนชั้น ประถมศึกษาปีที่ 1 โดยใช้นิทานร่วมกับการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค Think Pair Share เท่ากับ 0.65 4. นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 มีความรู้สึก "ชอบ"การจัดการเรียนรู้โดยใช้นิทาน ร่วมกับการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค Think Pair Share |