การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ 11 เพื่อศึกษาการจัดการเรืยนรู้แบบรรมมือเทศนิค STAD ร่วมกับชุดฝึกทักษะ 2) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ระหว่างหลังเรียนกับก่อนเรียน และ หลังเรียนกับเกณฑ์ร้อยละ 75 3) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการจัดการเรียนรู้แบบ ร่วมมือเทคนิค STAD ร่วมกับชุดฝึกทักษะเรื่องเวลา กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยในเรื่องนี้ คือ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนโนนสำราญวิทยา จังหวัดชัยภูมิ ซึ่งได้มาจากการการสุ่ม ตัวอย่างแบบกลุ่ม (Cluster random sampling) มีจำนวนนักเรียน 14 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ประกอบไปด้วย (1)แผนการจัดการเรียนรู้คณิตศาสตร์แบบร่วมมือด้วยเทคนิค STAD ชุดแบบฝึก ทักษะ (2)แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนจำนวน 30 ข้อ ที่มีความสอดคล้องระหว่างข้อสอบ กับจุดประสงค์การเรียนรู้ (IOC) ตั้งแต่ 0.60 - 1.00 และมีค่าความยาก (p) ตั้งแต่ 0.24 - 0.65 ค่า อำนาจจำแนก (r) ตั้งแต่ 0.23 - 0.67 ค่าความเชื่อมั่นทั้งฉบับโดยใช้สูตรของโลเวทมีค่า 0.70 (3) แบบสอบถามความพึงพอใจเป็นมาตราส่วนประมาณค่า5 ระดับ จำนวน 20 ข้อ มีค่าความเชื่อมั่นทั้ง ฉบับโดยใช้สูตรสัมประสิทธิ์แอลฟ้าของครอนบัค เท่ากับ 0.78 รูปแบบการวิจัยคือ แบบ One - Group Pretest - Posttest Design สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลคือ ค่าเฉลี่ย ค่าร้อยละ ส่วน เบี่ยงเบนมาตรฐาน และการทดสอบสมุติฐานการวิจัย โดยใช้การทตสสอบค่าที่ ผลการวิจัยพบว่า 1. การจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค STAD ร่วมกับชุดฝึกทักษะเรื่องเวลา มี 7 ขั้น มี คะแนนความก้าวหน้าเฉลี่ย 22.86 จากคะแนนเต็ม 30 คะแนน ค่า E-/Ez เท่ากับ 89.52/86.19 เป็นไปตามเกณฑ์ 75/75
2. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนโดยใช้การเรียนแบบร่วมมือเทคนิค STAD ร่วมกับชุดฝึกทักษะ เรื่องเวลา มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 และมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าเกณฑ์ร้อยละ 75 อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติติที่ระดับ .01 3. นักเรียนมีความพึงพอใจต่อการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค STAD ร่วมกับชุดฝึก ทักษะเรื่องเวลา มีค่าเฉลี่ยเลขคณิตเท่ากับ 4.83 คะแนน มีระดับความพึงพอใจอยู่ในระดับ มากที่สุด |