การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ (1) เพื่อเปรียบเทียบทักษะพื้นฐานกีฬาฟุตบอลเบื้องต้น ระหว่างก่อนเรียนและหลังเรียนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6เรียนโดยใช้การจัดการเรียนรู้แบบ กลุ่มเพื่อนช่วยเพื่อน (2) เพื่อพัฒนาการจัดการเรียนรู้แบบกลุ่มเพื่อนช่วยเพื่อนส่งเสริมทักษะพื้นฐาน กีฬาฟุตบอลของนักเรียนมัธยมศึกษาปีที่ 6 ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ E:/Eg เท่ากับ 80/80 (3) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนระหว่างก่อนเรียนและหลังเรียนของนักเรียนชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 6 ที่เรียนโดยใช้การจัดการเรียนรู้แบบกลุ่มเพื่อนช่วยเพื่อน (4) เพื่อศึกษาความพึง พอใจของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ที่มีการจัดการเรียนรู้แบบกลุ่มเพื่อนช่วยเพื่อน กลุ่มตัวอย่างนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6/5 จำนวน 40 คน โรงเรียนพิมายวิทยา อ.พิมาย จ.นครราชสีมา ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2564 เครื่องมือการวิจัยได้แก่ (1) แผนการจัดการเรียนรู้ จำนวน 4 แผน (2) แบบทดสอบการวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน จำนวน 40 ข้อ (3) แบบทดสอบ ทักษะพื้นฐานกีฬาฟุตบอล จำนวน 4 แบบ และ (4) แบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียน จำนวน 10 ข้อ สถิติที่ใช้วิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และ t-test ผลการวิจัย (1) กิจกรรมการเรียนรู้แบบกลุ่มเพื่อนช่วยเพื่อนมีประสิทธิภาพเท่ากับ 87.50/80.81 ซึ่งเป็นไปตามเกณฑ์ที่กำหนดไว้ (2) ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนโดยใช้กิจกรรมการเรียนรู้ แบบกลุ่มเพื่อนช่วยเพื่อนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 (3) ทักษะ พื้นฐานกีฬาฟุตบอลหลังเรียนโดยใช้กิจกรรมการเรียนรู้แบบกลุ่มเพื่อนช่วยเพื่อนสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 และ (4) ความพึงพอใจต่อการเรียนรู้ทักษะพื้นฐานกีฬาฟุตบอล แบบกลุ่มเพื่อนช่วยเพื่อนโดยรวมอยู่ในระดับมาก |