การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาประสิทธิภาพการจัดการเรียนรู้แบบ STAD ร่วมกับชุดแบบฝึกการอ่านของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 2) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ก่อนเรียนและหลังเรียน โดยใช้การจัดการเรียนรู้แบบ STAD ร่วมกับชุดแบบฝึกการอ่าน 3) ศึกษาผลสัมฤทธิ์ในการอ่านหลังเรียนของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ที่เรียนโดยใช้การจัดการเรียนรู้แบบ STAD ร่วมกับชุดแบบฝึกการอ่านกับเกณฑ์ร้อยละ 75 4) ศึกษาผลลัพธ์ทางการเรียนในด้านความพึงพอใจของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่  3  ที่เรียนโดยใช้การจัดการเรียนรู้แบบ STAD ร่วมกับชุดแบบฝึกการอ่านของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 รูปแบบการวิจัยครั้งนี้ใช้รูปแบบ one group pretest - posttest design  กลุ่มตัวอย่างได้แก่นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ของโรงเรียนอนุบาลบัณฑิตน้อย 2 อำเภอปักธงชัย จังหวัดนครราชสีมา ในภาคการศึกษา 2 ปีการศึกษา 2563 จำนวน 24 คน ที่ได้มาจากการสุ่มตัวอย่างแบบกลุ่ม เครื่องมือในการวิจัยได้แก่ 1) แผนการจัดการเรียนรู้โดยใช้วิธีการเรียนแบบ STAD ร่วมกับชุดแบบฝึกการอ่าน ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 เรื่องการอ่านออกเสียงภาษาอังกฤษ A-Z กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ จำนวน 5 แผน 2) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เพื่อใช้ในการทดสอบก่อนเรียน-หลังเรียนจำนวน 30 ข้อ ที่มีค่าดัชนีความสอดคล้องของข้อคำถามกับจุดประสงค์ (IOC) มีค่าตั้งแต่ 0.60-1.00 และแบบทดสอบหลังเรียนมีค่าความเที่ยงจากสูตรของ Lovett เท่ากับ 0.88 3) แบบสอบถามความพึงพอใจในการเรียนรู้ที่มีต่อการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ จำนวน 20 ข้อ ที่มีค่าความเที่ยงของแบบสอบถามความพึงพอใจเท่ากับ 0.86 เกณฑ์คุณภาพแบบองค์รวม คะแนนเต็ม 5 คะแนน สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลคือ ร้อยละ ค่าเฉลี่ยเลขคณิต ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และ t-dependent

           ผลการวิจัยสรุปได้ว่า 

           1) ประสิทธิภาพของ การจัดการเรียนรู้เรื่องการอ่านออกเสียงภาษาอังกฤษ A-Z โดยใช้การจัดการเรียนรู้แบบ STAD ร่วมกับชุดแบบฝึกการอ่าน ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 มีประสิทธิภาพ (E₁/E₂) เท่ากับ  82.22/85.83     

           2) ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ที่เรียนโดยใช้การจัดการเรียนรู้แบบ STAD ร่วมกับชุดแบบฝึกการอ่าน  เรื่องการอ่านออกเสียงภาษาอังกฤษ A-Z ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.01

           3) ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าเกณฑ์ร้อยละ 75 อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.01

             4) ความพึงพอใจของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ที่เรียนโดยใช้การจัดการเรียนรู้แบบ STAD ร่วมกับชุดแบบฝึกการอ่าน  เรื่องการอ่านออกเสียงภาษาอังกฤษ A-Z มีความพึงพอใจในระดับมากที่สุด โดยมีค่าเฉลี่ยรวมทุกด้าน ( )  เท่ากับ 4.65 และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 0.50