การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์คือ (1) เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพของการจัดการเรียนรู้โดยใช้ รูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้แบบ 5E ร่วมกับชุดกิจกรรมการเรียนรู้ทาง วิทยาศาสตร์ เรื่องแรงและการเคลื่อนที่ของวัตถุ ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 (2) เพื่อ เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน วิชาวิทยาศาสตร์ โดยใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบสืบ เสาะหาความรู้แบบ 5E ร่วมกับชุดกิจกรรมการเรียนรู้ทางวิทยาศาสตร์ เรื่องแรงและการเคลื่อนที่ของ วัตถุ ระหว่างก่อนเรียนและหลังเรียน และ(3) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการจัดการ เรียนรู้ โดยใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้แบบ 5E ร่วมกับชุดกิจกรรมการเรียนรู้ ทางวิทยาศาสตร์ กลุ่มตัวอย่างคือนักเรียน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนบ้านหนองพวงใหญ่ อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา จำนวน 11 คน เครื่องมืองมือการวิจัย ประกอบด้วย (1) แผนการจัดการ เรียนรู้ จำนวน 3 แผน (2) แบบทดดลอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน จำนวน 30 ข้อ (3) ชุดกิจกิจกรรม การเรียนรู้ จำนวน 3 ชุด (4) แบบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียน สถิติวิเคราะห์ข้อมูลคือ ความถี่ ร้อยละ คำเฉลี่ย ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการทดสอบค่าที่ ผลการวิจัยพบว่า (1) ประสิทธิภาพของการจัดการเรียนรู้ โดยใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้ แบบสืบเสาะหาความรู้แบบ 5E ร่วมกับชุดกิจกรรมการเรียนรู้ทางวิทยาศาสตร์ เรื่อง แรงและการ เคลื่อนที่ของวัตถุ มีประสิทธิภาพ เท่ากับ 85.01/85.05 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนดไว้ (2) ผลสัมฤทธิ์ ทางการเรียนวิชาวิทยาศาสตร์ โดยใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้แบบ 5E ร่วมกับ ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ทางวิทยาศาสตร์ เรื่อง แรงและการเคลื่อนที่ของวัตถุ หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 และ(3) นักเรียนมีความพึงพอใจต่อการจัดการเรียนรู้โดยใช้ รูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้แบบ 5E ร่วมกับชุดกิจกรรมการเรียนรู้ทาง วิทยาศาสตร์ เรื่อง แรงและการเคลื่อนที่ของวัตถุอยู่ในระดับมากที่สุด |