การจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ผลสัมฤพธิ์การเรือนเรื่องการธยนโปรมอย่างเาด โดยไร้ชุดแบบมืกทักษะร่วมกับวิธีการเวียนรู้แรับบร่วมมือเพศนิด 0 ระหว่างก่อนกับพลังเรียน 2)ผลสัมฤทธิ์นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โดยใช้ชุดแบบฝึกทักษะร่วมกับวิธีการเรียนรู้แบบร่วมมือ เทคนิค(LT) หลังการเรียนรู้มีคะแนนเฉลี่ยสูงกว่าเกณฑ์ร้อยละ 75 3) นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 มีความพึงพอใจต่อการเขียนโปรแกรมอย่างง่าย โรงเรียนบ้านห้วยเป้าเหนือ สำนักงานเขตพื้นที่ การศึกษาประถมศึกษาเลย เขต 2 ปีการศึกษา 2563 จำนวน 12 คน โดยการสุ่มแบบกลุ่มเครื่องมือที่ ใช้ในการวิจัย 1) แผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ จำนวน 3 แผน 2) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการ เรียน จำนวน 30 ข้อ มีค่าความยาก (p) ตั้งแต่ 0.4.44 -0.62 ค่าอำนาจจำแนก (B)ตั้งแต่ 0.30-0.61 ค่า ความเชื่อมั่น เท่ากับ 0.89 3) แบบวัดความพึงพอใจ จำนวน 12 ข้อ มีค่า อำนาจจำแนกตั้งแต่ 0.0.25- 0.66 ค่าความเชื่อมั่นเท่ากับ 0.93 วิเคราะห์ข้อมูล โดยการหาค่าเฉลี่ย ( X ) ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (5.D.) ร้อยละ (%) และทสอบสอบสมสมมุติฐานด้วย ttest (Dependent Samples) และ t-test (One-Sample) ผลการวิจัยพบว่า 1. ผลการเรียนรู้ การเขียนโปรแกรมอย่างง่ายโดยใช้แบบฝึกทักษะร่วมกับวิธีการเรียนรู้แบบ ร่วมมือเทคนิค (LT) ของนักเรียน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ก่อนและหลังที่ได้รับการเขียนโปรแกรมอย่าง ง่ายสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01
2. ผลการเปรียบเทียบผลการเรียนรู้ วิชาวิทยาการคำนวณ เรื่อง การเขียนโปรแกรมอย่าง ง่ายของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 หลังเรียนโดยการโปรแกรมอย่างง่ายโดยใช้ชุดแบบฝึกทักษะ ร่วมกับวิธีการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค (LT) ซึ่งสูงสูงกว่าเกณฑ์ร้อยละ 75.00 อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ที่ระดับ .01 3. นักเรียนมีความพึงพอใจต่อการเรียนวิชาวิทยาการคำนวณ เรื่อง เขียนโปรแกรมอย่าง ง่าย ในระดับมากที่สุด |