การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาและเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางสาระการเรียนรู้วิชา วิทยาศาสตร์เรื่องแรงลัพธ์และแรงเสียดทาน ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 กลุ่มตัวอย่างคือ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 จำนวน 69 คน เครื่องมือการวิจัย ได้แก่ (1) แผนการจัดการเรียนรู้ (2) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน และ (3) แบบสอบถามความพึงพอใจ สถิติวิเคราะห์ข้อมูลคือ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และ t-test ผลการวิจัยพบว่า 1. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนระหว่างก่อนเรียนและหลังเรียน โดยใช้วิธีการสอน ตามแนวคิดแบบสะเต็มศึกษา เรื่อง แรงลัพธ์และแรงเสียดทาน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ที่ใดรับการ จัดการเรียนรูตามแนวคิดสะเต็มศึกษา (STEM Education) คะแนนเฉลี่ยก่อนเรียน 12.97 คะแนน และคะแนนเฉลี่ย หลังเรียน 25.31 คะแนน ผลการเปรียบเทียบเทียบว่าคะแนนหลังเรียนสูงกว่าก่อน เรียนรู้อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.01 2. ความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้วิธีการสอนตาม แนวคิด แบบสะเต็มศึกษา โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อ พบว่า ความพึง พอใจต่อการจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้วิธีการสอนตามแนวคิดแบบสะเต็มศึกษาอยู่ในระดับมากมี อยู่แปดข้อโดยสามอันดับแรกคือ (1) นักเรียนมีส่วนร่วมในการทำกิจกรรมร่วมกัน (2) การวัดและ การ ประเมินผลครอบคลุมเนื้อหาวิซาที่เรียน และ (3) เนื้อหามีความเหมาะสมกับระดับความสามารถของ นักเรียน และอยู่ในระดับปานกลางมีอยู่สองข้อ ดังนี้ (1) กระตุ้นให้นักเรียนเกิดการเรียนรู้ได้ด้วย ตนเอง และ (2) มีเนื้อหาที่เหมาะสมกับระยะเวลาที่ไช้สอน |