การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ (1) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนและ หลังเรียน โดยใช้รูปแบบการสอนซิปปาโมเดล (2) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียน โดยใช้รูปแบบการสอนซิปปาโมเดลกับเกณฑ์ร้อยละ 80 และ(3) เพื่อศึกษาระดับความพึงพอใจของ นักเรียนที่มีต่อการเรียนวิชาหน้าที่พลเมือง โดยใช้รูปแบบการสอนซิปปาโมเดล กลุ่มตัวอย่างคือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 จำนวน 45 คน โรงเรียนพิมายวิทยา อำเภอพิมาย จังหวัดนครราชสีมา ปีการศึกษา 2564 เครื่องมือการวิจัย ได้แก่ (1) แผนการจัดการเรียนรู้วิชาหน้าที่พลเมือง จำนวน 20 แผน (2) แบบทดสอบการวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน แบปรนัยชนิดเลือกตอบ จำนวนวน 30 ข้อ และ (3) แบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียนหลังการเรียนรู้แบบการสอนซิปาโมเดล สถิติที่ใช้ วิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และ t-test ผลการวิจัยพบว่า (1) ผลการเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ก่อนเรียนและหลังเรียน ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษา ปีที่ 3/5 มีคะแนนก่อนเรียนเฉลี่ยเท่ากับ 8.62 คะแนน และคะแนนหลัง เรียนเฉลี่ยเท่ากับ 18.53 คะแนน ตามลำดับ เมื่อเปรียบเทียบคะแนนก่อนและหลังเรียน พบว่า คะแนนสอบหลังเรียนของนักเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติติที่ระดับ .05 (2) ผลการ เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนมีคะแนนหลังเรียนเฉลี่ยเท่า 18.53 คิดเป็นร้อยละ 92.67 ซึ่งสูงสูง กว่าเกณฑ์ที่กำหนดไว้ เมื่อวิเคราะห์โดยการทดสอบค่าที (one sample) มีค่าเท่ากับ 1.68 หลังเรียน สูงกว่าเกณฑ์ร้อยละ 80 อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติติที่ระดับ .05 และ (3) ผลการศึกษาระดับความพึง พอใจที่นักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3/5 มีต่อการเรียนวิชาหน้าที่พลเมือง โดยใช้รูปแบบการสอนซิป ปาโมเดล รวมทุกด้านมีความพึงพอใจอยู่ในระดับมาก |